FIBER

Last updated: 15 ก.ย. 2565  |  731 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ไฟเบอร์ คืออะไร

 
ไฟเบอร์ (Fiber) หรือเส้นใยอหาร คืออะไร
ไฟเบอร์หรือใยอาหาร มีชื่อหนึ่งคือ “เซลลูโลส” ที่เราสามารถพบได้ในอาหารจำพวกผัก ผลไม้และธัญพืช
เป็นสิ่งที่ร่างกายของเราไม่สามารถย่อยสลายนำไปใช้งานได้ ไฟเบอร์จะไม่ให้พลังงานและไม่ถูกย่อยในระบบทางเดินอาหาร
แล้วสุดท้ายก็จะถูกขับถ่ายออกมาในรูปของกากอาหาร แต่ไฟเบอร์กลับเป็นสารอาหารที่สำคัญและให้ประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมากเลยนะคะ ร่างกายของเราจำเป็นต้องได้รับไฟเบอร์เหล่านี้เข้าสู่ร่างกายทุกๆวันค่ะ
 
 

เมื่อเราเริ่มรับประทานอาหารที่มีใยอาหารหรือไฟเบอร์ อาหารไฟเบอร์สูงมักจะทำให้เราใช้เวลาในการเคี้ยวมากขึ้นทำให้เราทานช้าลงและโดยปกติประมาณ 20 นาทีหลังจากเริ่มทานอาหาร สมองเราจะรับรู้ถึงสัญญาณอิ่ม อาหารไฟเบอร์สูงจึงช่วยป้องกันไม่ให้เราทาน มากเกินไปและอิ่มอยู่ท้องได้นาน คุณสมบัติข้อนี้นับว่ามีประโยชน์มากสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักค่ะ

 
 
 
 
หน้าที่ของไฟเบอร์ในกระเพาะอาหาร การเคลื่อนที่ของไฟเบอร์ไปตามทางเดินอาหารดูเหมือนจะไม่มีหน้าที่อะไรมากนัก แต่ที่จริงแล้วมันมีบทบาทสำคัญในกระเพาะอาหารเรามากเลยนะคะ
 
 
 
 
 
 ไฟเบอร์ ชนิดไม่ละลายน้ำ (insoluble fiber) ที่พบมากในข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ รำข้าวและผักต่างๆจะเข้าไปพองตัวคล้ายกับฟองน้ำเป็นการเพิ่มใยอาหารและปริมาณน้ำภายในกระเพาะอาหาร
เมื่อมันเคลื่อนผ่านไปก็จะทำหน้าที่คล้ายไม้กวาดระบบทางเดินอาหารให้สะอาด ไม่รวมตัวกับน้ำ สามารถเคลื่อนตัวผ่านระบบย่อยอาหารได้รวดเร็วกว่า และมีประสิทธิผลดีกว่ากลุ่มแรก โดยไปเพิ่มปริมาณให้กับอาหารที่ย่อยและดูดซึมแล้ว (ของเสีย)
และทำให้ของเสียนุ่มขึ้น แหล่งสำคัญของไฟเบอร์กลุ่มนี้ ได้แก่ เปลือกข้าวสาลี ซีเรียล ขนมปังแบบไม่ขัดสี ตลอดจนผักประเภทต่างๆ

 
ไฟเบอร์ ชนิดที่ละลายน้ำได้ (insoluble fiber) มีลักษณะคล้ายเจลเมื่อจับตัวกับน้ำ แหล่งสำคัญของกากใยกลุ่มนี้ ได้แก่ ข้าวโอ๊ต ถั่วต่างๆ เมล็ดพืชต่างๆ ผลไม้หลากชนิด ก็จะดูดซับน้ำเอาไว้แล้วทำให้เกิดความหนืดเพิ่มมากขึ้นคล้ายกับก้อนเจลนุ่มๆหน้าที่ของมันคือดูดซับเอาน้ำมันและน้ำตาลเอาไว้
ความสามารถในการดูดซับน้ำมันของไฟเบอร์ทำให้ปริมาณของโคเลสเตอรอลที่จะดูดซึมเข้าร่างกายน้อยลง
สามารถช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือด ลดไขมันเลว LDL ซึ่งเท่ากับเป็นการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดได้เป็นอย่างดี
ไฟเบอร์ชนิดนี้ซึ่งพบมากในผลไม้ ถั่วและข้าวโอ๊ตจะดูดซับน้ำตาลเอาไว้ทำให้นํ้าตาลถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายน้อยลงจึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานได้

 
 
การทำงานของไฟเบอร์ในลำไส้ใหญ่เมื่อเคลื่อนมาถึงลำไส้ใหญ่ไฟเบอร์จะทำให้เกิดกระบวนการ Fermentation  ที่เกิดขึ้นระหว่างเส้นใยอาหารกับลำไส้ใหญ่หากเป็นไฟเบอร์ที่ละลายได้ในน้ำแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่จะช่วยย่อยให้ได้ออกมาเป็นกรดไขมันสายสั้นที่จะถูกดูดซึม ผ่านผนังลำไส้ใหญ่ข้าไปอยู่ในเยื่อบุซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดค่า pH ในลำไส้ใหญ่ ลดกรดยูเรีย แอมโมเนียและช่วยกระตุ้นการดูดซึมน้ำและโซเดียมกลับเข้าร่างกายในผู้ที่มีอาการท้องเสียลดการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ได้อีกด้วยค่ะ
 
 
ไฟเบอร์ชนิดที่ไม่ละลายน้ำ เมื่อมาถึงลำไส่ใหญ่มันจะเพิ่มปริมาณและนํ้าหนักของอุจจาระ ทำให้นุ่มขึ้นสามารถเคลื่อนได้สะดวก ดังนั้นเวลาของการสัมผัสระหว่างสารพิษหรือสารที่ก่อมะเร็งที่ปนเปื้อนในอาหารที่เรารับประทานเข้าไปกับเยื่อบุลำไส้จะน้อยลงลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ 
เมื่อลำไส้ไม่ต้องทำงานหนักไม่มีอุจจาระตกค้างก็จะลดการเกิดท้องผูก โรคลำไส้แปรปรวนและลดความเสี่ยงในการเกิดริดสีดวงค่ะ
 
 

ทานไฟเบอร์เพียงพอมีประโยชน์อย่างไร?
 
 ควบคุมความสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือด
 ดีต่อสุขภาพหัวใจลดโอกาสเกิดโรคหวัใจและหลอดเลือดอุดตัน
 ลดความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้
 ลดการเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านม
 ลดเสี่ยงโรคริดสีดวงทวาร
 ลดเสี่ยงโรคนิ่วในถุงน้ำดีและนิ่วในไต
 ลดความเสี่ยงมะเร็งระบบทางเดินอาหาร
 ลดคอเลสเตอรอล
 บรรเทาโรคลำไส้แปรปรวน
 ควบคุมน้ำหนัก
 
 
ผลกระทบเมื่อร่างกายขาดสารอาหารไฟเบอร์ จะเป็นอย่างไร?
 
 อ่อนล้าและง่วงนอน
 น้ำหนักตัวเพิ่ม
 ความดันโลหิตสูง
 ท้องผูกและแน่นท้อง
 
เรื่องของ "กากใย" ใครว่าไม่สำคัญ หลายต่อหลายคนที่เคยประสบปัญหา หรือกำลังมีปัญหา ท้องผูก ถ่ายไม่ค่อยออก นานๆ ถ่ายที จนกลายเป็นโรคริดสีดวงทวารบ้าง มีปัญหาในระบบสำไส้บ้างและโรคร้ายเรื้อรัง ปัญหาแบบนี้ นิ่งนอนใจไม่ได้เลยค่ะ
 
 
 

สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นชินกับการทานผักสด ผลไม้มากๆ มาก่อน ควรจะเพิ่มปริมาณอาหารที่มีกากใยทีละน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบย่อยอาหารเกิดอาการปั่นป่วนเพียงแค่นี้เราก็จะมีระบบขับถ่ายที่ปราศจากปัญหาท้องผูกอึดอัดเพราะถ่ายไม่ออก ห่างไกลโรคริดสีดวงทวารหนัก และโรคอื่นๆ จากระบบลำไส้แล้วคะ
เริ่มใส่ใจกับการเลือกรับประทานอาหารที่มีกากใยกันเสียตั้งแต่วันนี้ เพื่อสุขภาพของเราเอง และคนที่เรารัก อย่าลืมประโยคสำคัญที่ว่า You are what you eat นะคะ

รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำเยอะๆ และอย่าลืมออกกำลังกายทุกๆวันนะคะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้